ทริปสติแตก หนีเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 1



คุณเคยสติแตกกับที่ทำงานไหม?
ขอแนะนำให้ออกไปเที่ยวคนเดียวต่างประเทศ




ทริปนี้เดินทาง 13 -16 กุมภาพันธ์ 2014 เป็นช่วงต้นปีที่สติแตกมากตอนก่อนไป โดนหลายเรื่องมากรุมๆๆๆ เข้ามาในเวลาเดียวกัน จนอยากจะลาออก หนีกลับไปเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ออสให้รู้แล้วรู้แรดกันไปเลย

ทริปนี้ไปแบบ ไม่ได้วางแผน ไม่เคยไปญี่ปุ่น พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ครบ 3 ไม่แล้วแต่ก็ยังจะไป ทริปนี้เวลาน้อยมากในการตัดสินใจเดินทางไป แทบจะไม่ได้อ่านรีวิวจากไหนเลยก่อนจอง คือ คิดสติแตกตอน 8 โมง จองตั๋ว จองโรงแรมเสร็จตอน 10 โมง ประมาณนั้น 


ก็เลยได้บิน United Airline ขาไป UA838 ออกจากกทม ตอนเช้า 7:15 ไปถึง Tokyo ประมาน 14:52 เวลาดีสำหรับผมผู้ที่ไม่ชอบการเดินทางแบบ overnight. หรือบินข้ามคืนนอนบนเครื่องบิน 


ขากลับ UA837 ออก 18:17 ถึง 23: 27 เวลาอย่างนี้ love เลย กลับบ่าย ถึงบ้านก่อนตี 1 รุ่งขึ้นพอไปทำงานไหว 





ที่นอนคือโรงแรม aizuya-inn โรงแรมนอนคนเดียว ห้องน้ำรวม ราคาน่ารักมาก ห้าร้อยกว่าบาทต่อคืน 


สรุปค่าใช้จ่ายตอนจอง ค่าตั๋วไปกลับ  BKK<-> NRT  + ห้องพัก 3 คืน ราคา 24,351.66




จองผ่านทาง http://www.expedia.co.th/ ซื่งขอบอกเลยว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้บริการของเค้า เลยนะ ชอบระบบเลือกสายการบินกับโรงแรงของเค้านะ ใช้ง่ายดี ไม่ได้อะไรเลยจากเค้า แต่อยากให้ลองไปใช้ดูในการวางแผนเดินทาง


จองเสร็จจำได้ว่า บัตรเครดิต โทรมาถามเลยว่าจองตั๋ว United Airline ไปสองหมื่นกว่าบาทใช่ไหม รู้สึกดีจังที่บัตรเครดิตที่เราใช้เค้าเอาใจใส่คอยแอบสอดส่องความผิดปกติ แต่ว่าคราวหน้ากรุณาอย่าทำเสียงตกใจมากนัก เจ้าของบัตรตกใจตามไปด้วย 555


หลังจากนั้นเพื่อนที่ Sendai ก็ทราบข่าวว่าเราจะไปญี่ปุ่น ก็เลยชวนให้ไปเที่ยวที่บ้าน นั่งชินคันเซ็นไปชั่วโมงกว่าๆเอง พร้อมส่ง web ในการซื้อตั๋ว JR EAST PASS มาให้ เราก็กำลังสติแตกก็เลย จองเลยอีก 22,000 เยน เป็นการจองทางหน้า web แล้วค่อยไปรับตั๋วที่ญี่ปุ่น


อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ internet อันนี้บังเอิญไปเจอใบปลิวเรื่อง POCKET WIFI ที่เสียบไว้ที่เอเจนท์ทัวร์ HIS ตรงเกตเวย์เอกมัย ก็เลยจัดไป ให้เค้ามาส่งเครื่องที่ทำงาน ด้วยราคาค่าเช่า 800 บาท / 4 วัน


ของครบละน่าจะพร้อมเดินทาง แต่ก็มีเรื่องให้ สติแตกรอบสอง วันเกือบเดินทาง เจ้าของคอนโดที่อยู่ line มาตอนดึกว่า "เค้าจะขายห้องให้คนอื่น ให้เราไปหาซื้อที่อื่นอยู่" เอาไงละ ไม่สติแตกก็บ้าละงานนี้ 



วันเดินทางแอบเปิดดูสภาพอากาศ เสียหน่อยก่อนออก แบบว่าอยากร้องไห้ หิมะตก อากาศติดลบ พายุหิมะ  T_T

13 ก.พ. ตี 4 ออกจากคอนโด ไปสนามบิน 20 นาทีถึง รถไม่ติดเลยยยยย แต่สภาพตามรูป เหมือนขุดผีขึ้นมาจากหลุม พร้อมหลับได้ตลอดเวลา แล้วตามระเบียบของสายการบินนี้ เค้าจะต้องมาถามว่า กระเป๋าจัดเองไหม มีแบทเตอร์รี่ มีอะไรบลา บลา บลา หรือเปล่า แต่สภาพคนตอบดูสิ อย่างกะคนเป็นโรค กล้ามเนื้ออ่อนแรง (MG) เลย ขึ้นเครื่องได้ บอกได้สองคำ หลับยาว...











อาหารบนเครื่องเป็นแบบอเมริกันมาก พนักงานก็บริการเป็นฝรั่งมาก แถมฝรั่งก็ใช้บริการมาก มีเอเชียนับหัวได้เลยบนเครื่อง มีบริการ WIFI บนเครื่อง แต่ไม่ฟรีนะ ราคาโหดอยู่เหมือนกัน เครื่องบิน being 747. ยักษ์ใหญ่ที่นานๆได้นั่งทีทั้งชีวิต ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 เอง 



ตม. ญี่ปุ่นไม่เห็นจะยากเลย
ลงเครื่องมา คนอื่นๆหายไปไหนหมดไม่รู้ ไม่มีคนมารอต่อคิวเลย สงสัยจะต่อเครื่องไป USA กันหมดแน่เลย ไม่มีคิวที่ ตม. เลย 

เค้าจะมีเครื่องให้เอานิ้วชี้วาง ทั้งสองข้าง แล้วก็มองจอ มีภาษาไทยด้วยอีกต่างหาก เท่านั้นก็ผ่านเข้าประเทศแล้ว ไม่เห็นมีอะไรยากเลย แล้วก็ไปรับกระเป๋า และก็มีศุลกากร อีกด่านที่จะต้องผ่าน ก็ยื่นเอกสารให้ แล้วก็ยิ้ม แล้วก็ผ่านไปได้ 



หลังจากนั้นก็ไป ชั้นใต้ดิน ลงไปที่ สำนักงาน JR PASS เพื่อที่จะไปรับตั๋ว JR EAST PASS ที่ซื้อเอาไว้ทางเนทแล้ว พนักงานที่นี้พูดภาษาอังกฤษได้ดี ไม่ต้องกลัว รับตั๋วมาแล้วก็ จะเป็นเล่มอย่างรูป ผมซื้อแบบ JR EAST PASS Flexible 5-day PASS คือว่า จะใช้ขึ้น รถไฟ JR ได้ในเขตตะวันออก ได้ฟรีทั้งหมด เป็นเวลา 5 วัน โดยตั๋วจะมีกำหนดให้ใช้ได้ไม่เกิน 14 วันนับจากวันที่ออกตั๋ว 

อธิบายอีกทีแบบง่ายๆ คือ วันไหนจะใช้ก็เอาไปประทับตามกลมสีแดงแบบในรูป ใช้ได้ 5 วัน ไม่ต้องต่อเนื่องกัน แต่ต้องไม่เกิน 14 วันนับจากออกตั๋ว 




ไปแลกตั๋ว ขึ้น N'EX ได้ด้วยนะ 

รับตั๋ว JR แล้วก็ให้เค้าออกตั๋ว N'EX หรือชื่อเต็มๆคือ Narita Express ให้ด้วยเพื่อเข้าเมือง ก็เลยจัดไป  ขึ้น N'EX  สุดสบายเข้าเมือง ชิวๆ หิมะตกเบา ข้างนอกรถ มีหิมะเป็นกองๆอยู่  53 นาที ตามตารางเดินรถ ก็มาถึง TOKYO STATION





ไว้ต่อตอนหน้าแล้วกันที่เหลือ....



ทริปสติแตก หนีเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 2

ความคิดเห็น