สติแตกกับงานที่ทำงาน โดนไล่ออกจากคอนโด
ความเดิมตอนที่แล้ว : สติแตกกับการทำงาน หลงๆงงๆ มา Tokyo คนเดียว
แลก JR PASS และก็ได้ซื้อบัตรนกเพนกวินด้วย หรือว่าชื่อจริงๆของเค้าคือ SUICA มันใช้เป็นบัตรขี้นรถไฟในเมืองได้ทุกสาย ใช้ซื้อของที่ 7-11 หรือที่ LAWSON หรือ Family Mart ก็ได้ ก็เลยถอยออก 1 ใบติดกระเป๋าไว้ แต่อันนี้ราคาจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่
รถไฟเข้าเมือง จริงๆแล้วรถไฟมีหลายขบวนหลายแบบมาก ถูกๆช้าๆ ก็มี แต่ที่เลือก N'EX เพราะมันแพงสุด สบายสุด เร็วสุด และใช้ JR PASS ขึ้นได้ฟรี การเดินทางด้วย N'EX ต้องจองที่นั่งก่อนทุกครั้ง
ด้วยเวลา 53 นาทีเท่านั้นก็มาลงที่ Tokyo station ขึ้นมาตามทางอีก 2 ชั้น ตามหาสาย Yamanote ที่จะต้องมาต่อ ขึ้นมาถึงชั้นบนก็ หลงเลย...
สถานีโตเกียวนี้ให้ระดับความยากในการเดินทางครั้งแรกว่า หายนะ ยากที่สุดในบรรดาที่เคยเดินทางมา คนแยะ ชานชลาเยอะ มีหลายชั้น ป้ายดีแต่เล็ก เดินหมุนๆ หาทางไปอยู่พอสมควร ซึ่งเหมือนที่ทุกคนบอกเลยว่า "ถ้าคุณขึ้นรถไฟที่โตเกียวนี้ได้ คุณไปขึ้นที่ไหนในโลกนี้ก็ได้เลย"
รถไฟสาย Yamanote นี้จะวิ่งเป็นวงกลมสวนกัน ต้องดูป้ายดีๆว่าสถานีต่อไปจะจอดไหนก่อนขึ้น ไม่อย่างนั้นก็จะได้นั่งรถไฟเที่ยวรอบเมืองแทน จาก Tokyo Station ไปลง Ueno ไปต่ออีกสายชื่อ JR Joban Line ไปลงที่ Minamisenju แล้วหลังจากนั้น ก็พึ่งพา Google Maps ต่อผ่าน Pocket Wifi ที่เช่ามาในการเดินไปโรงแรม
จากสถานีไปโรงแรมไม่ไกล เดินประมาณ 10 นาที 850 เมตร เกือบๆกิโลเอง อากาศดี ประมาณ 6 องศา สบายๆชิว
โรงแรมเล็กมาก aizuya-inn อยู่ไม่ลึกจากถนนใหญ่ เท่าไหร่นัก ไม่ได้ถ่ายรูปด้านหน้ามาเลย
หิมะเหมือนจะตก หนาวก็หนาว เหนื่อยก็เหนื่อย มืดแล้วด้วย เลยเข้าไปเลย
จากสถานีไปโรงแรมไม่ไกล เดินประมาณ 10 นาที 850 เมตร เกือบๆกิโลเอง อากาศดี ประมาณ 6 องศา สบายๆชิว
![]() |
ภาพจาก google maps |
โรงแรมเล็กมาก aizuya-inn อยู่ไม่ลึกจากถนนใหญ่ เท่าไหร่นัก ไม่ได้ถ่ายรูปด้านหน้ามาเลย
หิมะเหมือนจะตก หนาวก็หนาว เหนื่อยก็เหนื่อย มืดแล้วด้วย เลยเข้าไปเลย
เข้ามาแล้วอย่างแรกที่ต้องทำคือ ถอดรองเท้าเอาไว้ในตู้ทางซ้ายมือ แล้วก็ค่อยเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ คนญี่ปุนที่นี้พูดภาษาอังกฤษได้ดี และก็ยังมีฝรั่งอีกคนด้วย ไม่ต้องห่วงว่าจะคุยไม่รู้เรื่อง
เก็บค่ามัดจำ 1,000 เยน เป็นเงินสด ก่อนเข้าอยู่
จะได้คืนวันกลับ และเนื่องจากจองมาแล้ว จ่ายหมดแล้วก็เลยไม่ต้องจ่ายอะไรอีก
โรงแรมเล็กๆ ทางเดินเล็กๆ แต่สะอาดมาก ห้องน้ำสะอาดมาก ทางเดินส่วนกลางสะอาดมาก ห้องพักก็สะอาดมาก มีอุปกรณ์ครบ มี WIFI ฟรี ให้ใช้ แต่ไม่ได้ใช้เพราะใช้ของตัวเองเร็วกว่า รูกลมๆในรูปตรงหัวนอน เค้าเอาไว้เปิดให้อากาศระบายได้ ใช้หมุนตรงกลางเอา เปิดไว้นิดๆจะได้ไม่อึกอัดตอนนอน
เอาของเก็บก็ออกไปหาของกิน เย็นนั้นเอาชีวิตอยู่ด้วย 7-11 ตรงสถานีรถไฟ แซนวิตใหญ่มาก การเดินกินอาหารที่นี้ถือว่าไม่สมควรทำ เค้าจะยืนริมๆถนน หรือทางเดินกินกัน น้ำแอบเดินกินยังพอได้ แต่อาหารนี้ไม่เคยเห็นเลย
จากนั้นก็ออกไปนั่งรถไฟเที่ยวต่อ ก็ไปขึ้นรถที่ Minamisenju นั่งย้อนกลับไปทาง Ueno แต่คราวนี้ไปลงที่ Nippori Station เพราะว่าไม่อยากไปต่อรถที่สถานีใหญ่ อย่าง Ueno คนมันแยะ แล้วก็วุ่นวาย ที่ Nippori มีแต่ไม่กี่สายที่จอดไม่ยุ่งดี ตอนแรกกะว่าจะไปแอบเซอร์ไพรส์เพื่อนญี่ปุ่นที่บ้านเค้าเสียหน่อย แต่ว่าดันลงผิดสถานี จากที่กะว่าจะลงที่ Ikebukuro ก็ดันไปลงที่ Otsuka ก็เลยได้เดินเล่นซื้อของแถวนั้นเสียเลย ได้หนังสือ BE-PAL มาหนึ่งเล่ม ไปยืนดูคนร้องเพลงริมถนน ร้องเพราะมาก มากจนไม่อยากจะไปไหนเลย เจอคนไทยกลุ่มใหญ่เพิ่งกินข้าวเย็นเสร็จ แสดงว่าแถวนี้ต้องมีของกินอร่อยที่เราไม่รู้แน่เลย ไว้คราวหน้าต้องมาแก้มือ
แล้วเดินไปเดินมาจนไม่ไหวก็เลยกลับห้องดีกว่า ง่วง และ หนาวแล้ว พรุ่งนี้กะว่าจะไปวัด Asakusa แต่เช้า
วันนี้เป็นวันที่ได้อยู่กับตัวเองมากที่สุด ไม่พูดภาษาไทยกับใครเลย ใช้เวลาในสถานที่ที่เราไม่รู้จักใคร ในสถานที่ที่ไม่รู้จัก ได้ออกมาจากที่เดิมๆ ทำให้รวบรวมสติกลับมาได้บ้าง คืนนี้ก็เลยนอนหลับฝันดีไปเลย
เรื่องเล็กๆที่ควรรู้ ในการมาเที่ยวญี่ปุ่น
คนญี่ปุ่นจะมีมารยาทในการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกันอย่างมาก จะเห็นได้ว่าถนน ทางเท้าสะอาดมาก บนรถไฟจะไม่คุยกันเสียง งดใช้โทรศัพท์มือถือ ปิดเสียง เล่นเกมส์แบบปิดเสียง คนไหนฟังเพลงหูฟังก็จะไม่เปิดดังจนคนอื่นได้ยิน การใช้บันไดเลื่อน ยืนชิดด้านเดียวกันหมด
ทริปสติแตก หนีเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 1
เอาของเก็บก็ออกไปหาของกิน เย็นนั้นเอาชีวิตอยู่ด้วย 7-11 ตรงสถานีรถไฟ แซนวิตใหญ่มาก การเดินกินอาหารที่นี้ถือว่าไม่สมควรทำ เค้าจะยืนริมๆถนน หรือทางเดินกินกัน น้ำแอบเดินกินยังพอได้ แต่อาหารนี้ไม่เคยเห็นเลย
จากนั้นก็ออกไปนั่งรถไฟเที่ยวต่อ ก็ไปขึ้นรถที่ Minamisenju นั่งย้อนกลับไปทาง Ueno แต่คราวนี้ไปลงที่ Nippori Station เพราะว่าไม่อยากไปต่อรถที่สถานีใหญ่ อย่าง Ueno คนมันแยะ แล้วก็วุ่นวาย ที่ Nippori มีแต่ไม่กี่สายที่จอดไม่ยุ่งดี ตอนแรกกะว่าจะไปแอบเซอร์ไพรส์เพื่อนญี่ปุ่นที่บ้านเค้าเสียหน่อย แต่ว่าดันลงผิดสถานี จากที่กะว่าจะลงที่ Ikebukuro ก็ดันไปลงที่ Otsuka ก็เลยได้เดินเล่นซื้อของแถวนั้นเสียเลย ได้หนังสือ BE-PAL มาหนึ่งเล่ม ไปยืนดูคนร้องเพลงริมถนน ร้องเพราะมาก มากจนไม่อยากจะไปไหนเลย เจอคนไทยกลุ่มใหญ่เพิ่งกินข้าวเย็นเสร็จ แสดงว่าแถวนี้ต้องมีของกินอร่อยที่เราไม่รู้แน่เลย ไว้คราวหน้าต้องมาแก้มือ
แล้วเดินไปเดินมาจนไม่ไหวก็เลยกลับห้องดีกว่า ง่วง และ หนาวแล้ว พรุ่งนี้กะว่าจะไปวัด Asakusa แต่เช้า
วันนี้เป็นวันที่ได้อยู่กับตัวเองมากที่สุด ไม่พูดภาษาไทยกับใครเลย ใช้เวลาในสถานที่ที่เราไม่รู้จักใคร ในสถานที่ที่ไม่รู้จัก ได้ออกมาจากที่เดิมๆ ทำให้รวบรวมสติกลับมาได้บ้าง คืนนี้ก็เลยนอนหลับฝันดีไปเลย
เรื่องเล็กๆที่ควรรู้ ในการมาเที่ยวญี่ปุ่น
คนญี่ปุ่นจะมีมารยาทในการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกันอย่างมาก จะเห็นได้ว่าถนน ทางเท้าสะอาดมาก บนรถไฟจะไม่คุยกันเสียง งดใช้โทรศัพท์มือถือ ปิดเสียง เล่นเกมส์แบบปิดเสียง คนไหนฟังเพลงหูฟังก็จะไม่เปิดดังจนคนอื่นได้ยิน การใช้บันไดเลื่อน ยืนชิดด้านเดียวกันหมด
ทริปสติแตก หนีเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 1
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น